วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2556

พิธีเสดาะเคราะห์ด้วยตัวเอง (ตอนจบ)


พิธีสะเดาะเคราะห์ (ตามแนวทางของท่าน อ.ดวงสุริยะเนตร)

อรัมภบทของครู

ท่านม้กจะได้พบเสมอ ๆ ตามสำนักโหร - หมอดู ต่าง ๆ  ด้วยการสะเดาะเคราะห์ชะตาร้ายให้กลายดี  พิธีสะเดาะเคราะห์นั้นมีมากมายหลายร้อยพิธี  สุดแต่ผู้ร่ำเรียนมาจากครูต่าง ๆ หรือสุดแต่ถนัดของหมอก็ว่าได้
การสะเดาะเคราะห์แล้วหายเคราะห์จริงหรือ ? ปัญหานี้ข้าพเจ้าถูกเสนอมานับหมื่นราย  ข้าพเจ้าไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรดีกว่าตอบว่า  การสะเดาะเคราะห์น่าจริงหรอก  แต่จะหายเคราะห์หรือไม่อยู่ที่จิตใจเชื่อมั่นเอาเอง  เพราะครูบาอาจารย์สั่งสอนมาอย่างนี้  และเท่าที่ทดลองทำมาก็รู้สึกว่าได้ผล  แต่จะมากหรือน้อยเท่านั้น

แต่หลักวิธีที่ข้าพเจ้าจะเขียนต่อไป  เป็นพิธีที่ข้าพเจ้าได้ทดลองดัดแลวงคันคว้ามาแล้ว  ปรากฏผลได้รับคำชมเชยมามากต่อมาก
ก่อนที่ท่านจะทำพิธีสะเดาะเคราะห์ต้องตรวจดูว่าพระเคราะห์อะไรจรแทรกประจำปี  ซึ่งต้องถือเป็นเกณฑ์ตายตัว  เมื่อทราบแล้วว่าพระเคราะห์อะไรจรแทรกประจำปี  ก็ให้ตรวจดูตามแบบต่าง ๆ ดังจะกล่าวต่อไป


พิธีสะเดาะเคราะห์  พระอาทิตย์จรแทรก หรือเสวยอายุ




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  แก้วพร้อมกับน้ำบริสุทธิ์  ๔  แก้ว  มะขวิด  ๖  ผล ยอดมะขวิด  ๖  ยอด  ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๖
วันพิธี  ต้องใช้วันพุธและศุกร์  เวลาก่อนเที่ยง  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันพุธ  ต้องตั้งเครื่องพิธีดังกล่าวทางทิศใต้  ให้จุดธูปบ่ายหน้าทางทิศใต้  (เทียน  ๖ เล่มจะทันที)  บูชาคาถา    "อิติปิโสภควา  พระอาทิตย์สะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๖ จบ)   แล้วกล่าวถวายเครื่องสักการะบูชา  พร้อมกับอธิษฐานสิ่งท่านพึงปรารถนาเอาเองเถิด.
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันศุกร์  ตั้งเครื่องพิธีทางทิศเหนือ  จุดธูปบ่ายหน้าทางทิศเหนือ  นอกนั้นปฏิบัติอย่างเดียวกัน
เมื่อออกจากบ้าน  ควรนำยอดมะขวิดห่อด้วยผ้าแดงติดตัวไป (อธิษฐานเสียก่อน)  ท่านว่ามหานิยมดีนักแล...
หมายเหตุ ถ้าหามะขวิดไม่ได้ ให้ใช้หอมแดง 6 หัวแทน

*******************************             

พิธีสะเดาะเคราะห์  พระจันทร์จรแทรก หรือเสวยอายุ




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  อ้อยขวั้น ๒ ข้อ  ดอกบุญนาคแห้ง  ๒ ดอก ฉัตรกระดาษ(เล็ก ๆ ) 1 ฉัตร ใบตาล ๑๐ ใบ  ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๑๕
วันพิธี  ต้องใช้วันจันทร์หรือวันเสาร์  เวลาก่อนเที่ยง  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันจันทร์  ให้ตั้งเครื่องพิธีดังกล่าวทางทิศตะวันออก  เอาฉัตรกระดาษกางให้พระพุทธรูป  นอกจากนั้นใส่พานตั้งไว้  แล้วจุดธูปบ่ายหน้าทางทิศตะวันออก  บูชาคาถา    "อิติปิโสภควา  พระจันทร์สะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๑๕ จบ)   แล้วกล่าวถวายเครื่องสักการะบูชา  เสร็จแล้วขออธิษฐานอ้อยขวั้น ๒ ข้อแล้วกิน  ก่อนกินอธิษฐานสิ่งท่านพึงปรารถนาเอาเองเถิด.
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันเสาร์  ให้ตั้งเครื่องพิธีทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  จุดธูปบ่ายหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  นอกนั้นปฏิบัติอย่างเดียวกัน
เมื่อออกจากบ้าน  ควรนำดอกบุญนาค ๒ ดอก ห่อด้วยผ้าแดงติดตัวไป (อธิษฐานเสียก่อน)  ท่านว่ามหานิยมชั้นยอดเยี่ยมแล...
หมายเหตุ ถ้าหาดอกบุญนาคไม่ได้ ให้ใช้ดอกดาวเรือง 2 ดอกแทน

********************************

พิธีสะเดาะเคราะห์  พระอังคารแทรก หรือเสวยอายุ




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  ข้าวตอก ๕ ดอก  เทียนขาว ๕ เล่ม ฉัตรกระดาษ (เล็ก) ๑ ฉัตร ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๘
วันพิธี  ต้องใช้วันพฤหัส และ วันเสาร์  เวลาก่อนเที่ยง  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันพฤหัส  ให้ตั้งเครื่องพิธีทางทิศตะวันตก  แล้วเอาฉัตรปักถวายพระพุทธรูป  ต่อจากนั้นจุดเทียนขาว ๕ เล่ม  บูชาพระคาถาว่า    "อิติปิโสภควา  พระอังคารสะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๘ จบ)   แล้วกล่าวถวายเครื่องสักการะบูชา  เสร็จแล้วอธิษฐานขอข้าวตอก ๕ ดอกกินให้หมด พร้อมกับอธิษฐานสิ่งที่ท่านปรารถนาเอาเองเถิด ท่านว่าประเสริฐยิ่งนักแล.
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันเสาร์  ให้ตั้งเครื่องพิธีทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  จุดธูปบ่ายหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  นอกนั้นปฏิบัติอย่างเดียวกัน
หมายเหตุ ถ้าหาข้าวตอกไม่ได้ ใช้ดอกพุทธรักษา 5 ดอกแทน

********************************

พิธีสะเดาะเคราะห์  พระพุธแทรก หรือเสวยอายุ




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  ข้าวตอก ๕ ดอก  เทียนขาว ๕ เล่ม ฉัตรกระดาษ (เล็ก) ๑ ฉัตร ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๑๗
วันพิธี  ต้องใช้วันพฤหัสหรือวันเสาร์  เวลาก่อนเที่ยง  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันพฤหัส  ต้องตั้งเครื่องพิธีดังกล่าวทางทิศตะวันตก  แล้วเอาฉัตรปักถวายพระพุทธรูป  ต่อจากนั้นจุดเทียนขาว ๕ เล่ม  บูชาพระคาถาว่า    "อิติปิโสภควา  พระพุธสะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๑๗ จบ)   แล้วกล่าวถวายเครื่องสักการะบูชา  เสร็จแล้วให้เอาข้าวตอกอธิษฐานสุดแต่ปรารถนาแล้วกินข้าวตอกให้หมด ท่านว่าประเสริฐยิ่งนักแล...
ถ้าสะเดาะเคราะห์วันเสาร์  ให้ตั้งเครื่องพิธีทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  จุดธูปบ่ายหน้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  นอกนั้นปฏิบัติอย่างเดียวกัน

********************************

พิธีสะเดาะเคราะห์  พระเสาร์แทรก หรือเสวยอายุ




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  มะพร้าวอ่อน ๑ ผล  ผลไม้อะไรก็ได้ ๖ ผล ใบมะพร้าว ๖ ใบ หม้อดิน ๑ ใบ  ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๑๐
วันพิธี  ต้องใช้วันอาทิตย์ และวันศุกร์  เวลาเช้า  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
เริ่มพิธีด้วยการตั้งเครื่องบูชา อันมีพระพุทธรูปเป็นประธาน พระพักตร์พระพุทธรูปบ่ายหน้าไปสู่ทิศใต้  หันหลังไปทิศเหนือ นำเครื่องสักการะทั้งหมดกล่าวถวายและสวดบูชาคาถา    "อิติปิโสภควา  พระเสาร์สะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๑๐ จบ)   แล้วรับประทานน้ำมะพร้าว โดยกล่าวขออธิษฐานตามปรารถนาในทางดี  ใบมะพร้าว  ผลไม้ ๖ ผล  คงถวายเป็นเครื่องสักการะบูชาตามเดิม  สำหรับหม้อดินให้ไปวางไว้ที่ถนนหนทางจะเข้าวัด  ก่อนจะกลับบ้านควรใส่เศษสตางค์เท่าอายุในหม้อ  เพื่อเป็นการบริจาค  เสียสละทรัพย์ส่วนน้อย  หวังผลส่วนใหญ่ในวันหน้า

********************************

พิธีสะเดาะเคราะห์  พระพฤหัสแทรก หรือเสวยอายุ




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  มะพร้าวอ่อน ๑ ผล  พุทรา ๓ ผล ยอดพุทรา ๓ ยอด ใบมะพร้าว ๖ ใบ ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๑๙
วันพิธี  ต้องใช้วันอาทิตย์ และวันอังคาร  เวลาเช้า  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
เริ่มพิธีด้วยการตั้งเครื่องบูชา อันมีพระพุทธรูปเป็นประธาน พระพักตร์พระพุทธรูปบ่ายหน้าไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้  หันหลังไปทิศตะวันออกเฉียงเหนือ  นำเครื่องสักการะทั้งหมดกล่าวถวาย  สวดบูชาพระคาถา    "อิติปิโสภควา  พระพฤหัสสะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๑๙ จบ)   แล้วลามะพร้าวมารับประทานแต่น้ำ ลาพุทรา ๓ ผล มารับประทานโดยกล่าวขออธิษฐานสุดแต่ปรารถนาในทางดี
หากจะไปติดต่อธุรกิจ  ให้อธิษฐานลายอดพุทรา ๓ ยอด  ห่อด้วยผ้าแดงติดกระเป๋าเสื้อด้านซ้ายไปด้วย  ท่านว่ามหานิยมดีนัก....

********************************

พิธีสะเดาะเคราะห์  พระราหูแทรก หรือเสวยอายุ




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  อินทผลัม (ผลไม้เชื่อม) ๔ ผล  น้ำอ้อย ๒ ถ้วย ดอกพุดทรา ๔ ดอก ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๑๒
วันพิธี  ต้องใช้วันจันทร์ และวันพุธ  เวลาเช้า  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
เริ่มพิธีด้วยการตั้งเครื่องบูชา อันมีพระพุทธรูปเป็นประธาน พระพักตร์พระพุทธรูปบ่ายหน้าไปสู่ทิศตะวันตก  หันหลังไปทิศตะวันออก  นำเครื่องสักการะทั้งหมดกล่าวถวาย  สวดบูชาพระคาถา    "อิติปิโสภควา  พระราหูสะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๑๒ จบ)  แล้วกล่าวขออธิษฐานสุดแต่ปรารถนาในทางดี จากนั้นลาอินทผลัมมารับประทานพร้อมกับน้ำอ้อย
หากจะไปติดต่อธุรกิจการงาน  ให้อธิษฐานเอาดอกพุดทรา ห่อด้วยผ้าแดงติดตัวไปด้วย  ท่านว่าผู้ใหญปราณี....

********************************

พิธีสะเดาะเคราะห์  พระศุกร์แทรก




เครื่องประกอบพิธี  พระพุทธรูป ๑ องค์  ดอกพุทรา ๑ ดอก ดอกแคขาว 19 ดอก ดอกไม้ธูปเทียนอย่างละ  ๒๑
วันพิธี  ต้องใช้วันอังคาร และวันพฤหัส เวลาเช้า  (ห้ามสะเดาะห์หลังเที่ยงวัน)
เริ่มพิธีด้วยการตั้งเครื่องบูชา อันมีพระพุทธรูปเป็นประธาน พระพักตร์พระพุทธรูปบ่ายหน้าไปสู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ  หันหลังไปทิศตะวันออกเฉียงใต้  นำเครื่องสักการะทั้งหมดกล่าวถวาย  สวดบูชาพระคาถา    "อิติปิโสภควา  พระศุกร์สะเทวา  สัมมาวิญญานะสัมปันโน  อิติปิโสภควา"  (๒๑ จบ)  แล้วกล่าวขออธิษฐานสุดแต่ปรารถนาในทางดี จากนั้นลาพุทรามารับประทาน  รำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย จะกำจัดเคราะห์ โศก โรคภัย ตามแต่จะอธิษฐาน
หากจะไปติดต่อธุรกิจการงาน หรือเดินทางออกจากบ้าน ให้อธิษฐานเอายอดแคขาวห่อผ้าแดงติดตัวไปจะบังเกิดมหานิยมแก่ตน  ประจักษ์ผลมานักแล้ว....

********************************

หวังว่าคงได้รับประโยชน์กันบ้างไม่มากก็น้อย และหากคุณได้สิ่งดีๆจากบทความนี้ ก็ช่วยแบ่งปันสิ่งดีๆที่คุณมีให้คนอื่นบ้าง
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

วันเสาร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2556

พิธีเสดาะเคราะห์ด้วยตนเอง (ตอนแรก)

เรื่องพิธีการเสดาะเคราะห์นี้ เป็นตำราที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากท่าน อ.ดวงสุริยะเนตร นำมาเผยแพร่เพื่อรำลึกถึงพระคุณของครู ที่ได้คิดค้น หลักวิชาโหราศาสตร์ที่ทรงคุณค่า และเพื่อเป็นการสืบทอดต่อถึงคนรุ่นหลัง มิให้สูญหายไป หากท่านได้รับประโยชน์จากบทความนี้ ก็ขอให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับท่าน อ.ดวงสุริยะเนตร ครูโหรผู้ล่วงลับ ด้วยน่ะครับ

บทความนี้เป็นเป็น 2 ตอน ตอนแรกจะพูดถึง พระเคราะห์จรเสวย พระเคราะห์จรแทรก ส่วนตอนที่สองจะพูดถึงเรื่องพิธีเสดาะเคราะห์ ขออธิบายแบบละเอียดหน่อย สำหรับท่านที่ไม่เคยรู้เลย สำหรับท่านที่รู้แล้วก็ผ่านได้เลย  เริ่มเลยน่ะครับ

วิธีการหาพระเคราะห์เสวย และพระเคราะห์จรแทรก

1. ท่านต้องรู้กำลังของพระเคราะห์ก่อน คือ
          พระอาทิตย์ มีกำลัง 6
          พระจันทร์ มีกำลัง 15
          พระอังคาร มีกำลัง 8
          พระพุธ มีกำลัง 17
          พระเสาร์ มีกำลัง 10
          พระพฤหัส มีกำลัง 19
          พระราหู มีกำลัง 12
          พระศุกร์ มีกำลัง 21
รวมกำลังพระเคราะห์ทั้งหมดได้ 108

2. พระเคราะห์จะเข้าเสวยอายุ จะเรียงไปตามทักษา เกิดวันไหน ก็จะเริ่มนับตามพระเคราะห์ของวันนั้นๆ เช่น เกิดวันจันทร์ ก็เริ่มนับที่พระจันทร์ เกิดวันอังคาร ก็เริ่มนับที่พระอังคาร เกิดวันพุธ ก็นับที่พระพุธ (เกิดวันพุธกลางคืน ก็นับที่พระพุธ) เมื่อพระเคราะห์เข้าเสวยอายุ จะเสวยตามกำลังของพระเคราะห์นั้น เช่น เกิดวันจันทร์ พระจันทร์เข้าเสวยอายุ ตั้งแต่ 1 - 15 ปี จากนั้นจะเป็นพระอังคารเสวยอายุ ตั้งแต่ 16 - 23 ปี ต่อไปก็เป็นพระพุธ พระเสาร์ พระพฤหัส พระราหู พระศุกร์ พระอาทิตย์ ตามลำดับ


3. พระเคราะห์จรแทรก จะเรียงไปตามทักษาเช่นกัน แต่พระเคราะห์จรแทรก จะแทรกปีล่ะ 1 องค์ เช่น เกิดวันจันทร์ ปีแรก พระจันทร์จรแทรก ปีที่สอง พระอังคารจรแทรก ปีที่สาม พระพุธจรแทร นับไปเรื่อยๆวนตามทักษา ไม่เข้าตากลาง

4. เพื่อความสะดวก เลยทำเป็นตาราง ดังนี้

พระเคราะห์เสวยอายุของคนที่เกิดวันอาทิตย์

พระเคราะห์จรแทรกในแต่ละปีของคนที่เกิดวันอาทิตย์

พระเคราะห์เสวยอายุของคนที่เกิดวันจันทร์

พระเคราะห์จรแทรกในแต่ละปีของคนที่เกิดวันจันทร์

พระเคราะห์เสวยอายุของคนที่เกิดวันอังคาร

พระเคราะห์จรแทรกในแต่ละปีของคนที่เกิดวันอังคาร

พระเคราะห์เสวยอายุของคนที่เกิดวันพุธ

พระเคราะห์จรแทรกในแต่ละปีของคนที่เกิดวันพุธ

พระเคราะห์เสวยอายุของคนที่เกิดวันพฤหัส

พระเคราะห์จรแทรกในแต่ละปีของคนที่เกิดวันพฤหัส

พระเคราะห์เสวยอายุของคนที่เกิดวันศุกร์

พระเคราะห์จรแทรกในแต่ละปีของคนที่เกิดวันศุกร์

พระเคราะห์เสวยอายุของคนที่เกิดวันเสาร์

พระเคราะห์จรแทรกในแต่ละปีของคนที่เกิดวันเสาร์

หมายเหตุ การนับอายุ ให้นับอายุย่าง คือ หลังวันเกิดไปแล้วถือว่าเป็นอายุย่างใหม่ เช่น เกิดวันที่ 1 เมษายน 2555 พอวันที่ 2 เมษายน 2556 นับเป็นอายุย่าง 2 ขวบ

โปรดติดตามตอนจบ
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556

เทคนิคการใช้สีกับดวงดาวในการพยากรณ์


วิธีผสมดวงดาวเคราะห์เหมือนกับผสมสีธรรมดา

         สีที่เป็นแม่สีมีอยู่ ๓ สี  ได้แก่  แดง, เหลือง,  น้ำเงิน  และดาวเคราะห์ดวงใดบ้างที่จัดเป็นดาวแม่สี  โปรดพิจารณาดังนี้

         ดาว  ๑   มีสีพื้นเป็น แดงสด  หรือ แดงแก่ แดงสีเสน
         ดาว  ๒   มีสีพื้นเป็น  ขาว  ขาวนวล  หรือเหลืองเรื่อ
         ดาว  ๓   มีสีพื้นเป็น  แดงโลหิตติดชมภู  แดงปนดำ
         ดาว  ๔   มีสีพื้นเป็น  เขียวใบไม้  เขียวมรกต
         ดาว  ๕   มีสีพื้นเป็น  เหลืองสด  เหลืองแก่
         ดาว  ๖   มีสีพื้นเป็น  ฟ้าอ่อน  น้ำเงิน  ขาวหนา  ขาวอ่อน
         ดาว  ๗   มีสีพื้นเป็น  ดำ  สีแก่คล้ำ
         ดาว  ๘   มีสีพื้นเป็น  ม่วงแก่
         ดาว  ๙   มีสีพื้นเป็น  สีลาย  หรือหลายสี  สีบนภูเขา
         ดาว  ๐   มีสีพื้นเป็น  สีเศร้า ๆ  สีมืดทึบ  สีเห็นแล้วน่ากลัว

         เมื่อดาวเคราะห์อยู่ร่วมกันแต่ ๒ ดวงขึ้นไป  ก็จะมีสีผสมเปลี่ยนไปเป็นสีอื่น ๆ มีชื่อเรียกได้อีกต่าง ๆ กันดังนี้

ตัวอย่างวิธีผสมสีจากดวงดาว

          แดง + เหลือง เป็นสี  แสดแดง
          แดง + น้ำเงิน       เป็นสี  ม่วง
          น้ำเงิน + เหลือง     เป็นสี  เขียว
          แดง + แดงแก่     เป็นสี  แสดแดง
          แสดแดง + แดง      เป็นสี  แสดแดง
          แดง + ม่วง         เป็นสี  ม่วงแดง
          ม่วง + น้ำเงิน       เป็นสี  ม่วงน้ำเงิน (น้ำเงินม่วง)
          เขียว + น้ำเงิน       เป็นสี  น้ำเงินเขียว (เขียวแก่)
          เขียว + เหลือง       เป็นสี  เขียวเหลือง (เขียวอ่อน)
          เหลือง + แสดแดง เป็นสี  ส้ม
          แดง + ดำ           เป็นสี  ช๊อคโกแลต
          เหลือง + ดำ           เป็นสี  น้ำตาล
          ขาว + ดำ           เป็นสี  เทา
          น้ำเงิน + ดำ           เป็นสี  กรมท่า
          แดง + ม่วง         เป็นสี  ม่วง (เม็ดมะปราง)
          เหลือง + ส้ม           เป็นสี  เหลืองส้ม
          แดง + ส้ม           เป็นสี  แดงส้ม (สีสด)

ความหมายความรู้สึกของสีเมื่อพบเห็น
          แดง ให้ความหมายความรู้สึก ร้อน
          แดงส้ม     ให้ความหมายความรู้สึก ร้อนแรง, อันตราย  
          ขาว           ให้ความหมายความรู้สึก        สะอาด, บริสุทธิ์
          เหลือง       ให้ความหมายความรู้สึก        เตรียมตัว, ศรัทธา
          เขียว         ให้ความหมายความรู้สึก         สดชื่น, แจ่มใส, ปลอดภัย
          น้ำเงิน       ให้ความหมายความรู้สึก        เข้มแข็ง, เอาการเอางาน
          เทา           ให้ความหมายความรู้สึก         กล้าหาญ, เด็ดเดี่ยว, สงบ
          ดำ           ให้ความหมายความรู้สึก         โศกเศร้า, เสียใจ
          ฟ้า           ให้ความหมายความรู้สึก         สุกใส, ปลอดโปร่ง
          ดำ           ให้ความหมายความรู้สึก         ช่างเขียน
          ขาว           ให้ความหมายความรู้สึก         วิทยาศาสตร์
          เทา           ให้ความหมายความรู้สึก         จิตวิทยา

สีที่เป็นคู่ปฏิปักษ์มี ๖ สี
         เหลือง เป็นปฏิปักษ์          ม่วง
         เหลือง, ส้ม เป็นปฏิปักษ์          ม่วง, คราม
         ส้ม           เป็นปฏิปักษ์          คราม      
         แดง, ส้ม        เป็นปฏิปักษ์          เขียว, คราม
         แดง           เป็นปฏิปักษ์          เขียว
         ม่วงแกมแดง  เป็นปฏิปักษ์          เขียวแกมเหลือง

สีที่ตัดกันขึ้นเด่นดี
         เหลือง ตัด ม่วง
         แดง           ตัด   เขียว
         น้ำเงิน     ตัด    ส้ม
         น้ำเงินม่วง    ตัด    เหลืองส้ม
         แดงส้ม     ตัด   น้ำเงินเขียว
         แดงม่วง       ตัด    เหลืองเขียว
         ส้ม             ตัด    ม่วง,  น้ำเงิน
         แสด             ตัด    น้ำเงิน , คราม
         แสดแดง      ตัด เขียว ,  น้ำเงิน

สรุปสีทั้งหมดมี ๑๒ สี
         ๑. เหลือง       ๒. เขียวอ่อน
         ๓. เขียวใบไม้           ๔. คราม
         ๕. เขียวคราม           ๖.  ม่วงคราม
         ๗. ม่วง                   ๘.  ม่วงแดง
         ๙. แดง                   ๑๐. ส้มแก่
         ๑๑. ส้ม                    ๑๒. ส้มอ่อน

ราศีต่าง ๆ ก็มีสีประจำทั้ง ๑๒ ราศี
         ๑.  ราศีเมษ   หมายถึง แดงแก่, แดงโลหิต, แดงแสด
         ๒.  ราศีพฤษภ หมายถึง   น้ำเงินอ่อน, สีฟ้า, สีคราม
         ๓.  ราศีมิถุน   หมายถึง   เขียวแก่, เขียวขึ้ม้า
         ๔.  ราศีกรกฎ   หมายถึง   ขาว, ขาวนวล, ติดเหลืองเรื่อ ๆ
         ๕.  ราศีสิงห์   หมายถึง   แดงชาด
         ๖.  ราศีกันย์ หมายถึง   เขียวอ่อน, เขียวใบไม้
         ๗.  ราศีตุลย์   หมายถึง   น้ำเงินแก่, กรมท่า, น้ำทะเล
         ๘.  ราศีพิจิก   หมายถึง   แดงชมภู
         ๙.  ราศีธนู     หมายถึง   เหลืองแก่, สีส้ม
       ๑๐.  ราศีมังกร หมายถึง   ดำคล้ำ, น้ำตาล
       ๑๑.  ราศีกุมภ์ หมายถึง   ม่วง, เม็ดมะปราง
       ๑๒.  ราศีมีน   หมายถึง   เหลืองอ่อน, เหลืองผ้าพระ

         หากดาวเคราะห์ใด  สถิตราศีใด  ก็ผสมกับสีในราศีนั้น  และหากมีดาวเคราะห์อื่นมาร่วมด้วยก็เท่ากับผสมเป็นสีรวมกันไป

         เมื่อผสมสีของดาวเคราะห์เป็นที่ถูกต้องเข้าใจดีมีความชำนาญแล้ว  การพยากรณ์ดวงชาตาก็จะเป็นการง่ายขึ้นมาก  ไม่จำเป็นต้องไปท่องตำราทั้งเล่ม  เพียงแต่ทำความเข้าใจก็พอเพียงแล้ว  ว่าสีอะไรเป็นปฏิปักษ์ (เป้นอริศัตรูกัน)  ความรู้สึกของสีเมื่อพบเห็นเป็นอย่างไร  ความหมายของสีนั้นหมายถึงอะไร  สีที่ตัดกันทำให้เด่นขึ้น  เช่น แดงตัดสีเขียว  หมายถึงดาว ๓ ผสมกับดาว ๔ ทำให้ชอบพูดเหน็บแนมเก่ง  มีสำนวนโวหารดี  หรือแสดแดง ตัดสีเขียว,  น้ำเงิน ได้แก่ดาว ๑ ผสมกับดาว ๔  เป็นคู่วิชาการ  ดาว ๑ ผสมกับดาว ๖ เป็นคู่สมพลรวมกำลังได้มากขึ้นดังนี้เป็นต้น

         ฉะนั้น  ให้ท่านผู้ศึกษาจงพิจารณาค้นคว้ากันต่อไป  หากเห็นว่าสิ่งใดที่จะทำให้เป็นการเข้าใจง่ายขึ้นนั้นเป็นการที่กระทำถูกแล้วทุกประการ


ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

วันอังคารที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2556

ตำราการหาฤกษ์อย่างง่าย



          วันนี้เอาตำราการหาฤกษ์อย่างง่ายของโหราจารย์รุ่นก่อน(ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ท่านใดเป็นผู้คิดขึ้นมา) นำมาเผยแพร่เพื่ออนุรักษ์ไว้มิให้สูญหาย

กลหนึ่งถ้าอยากจะใคร่รู้ฤกษ์ทั้งปวง

          ท่านให้นับแต่เดือน ๕ เป็นต้นไป  ถึงเดือนที่จะทำการนั้น กำหนดเดือน ๕ ลงไปที่ราศีเมษ  แล้วให้นับแต่เดือน๕ นั้นมา  เท่าถึงเดือนที่จะทำการนั้น ตกราศีใดให้กาไว้  แล้วนับแต่ราศีพฤษภ  เป็นต้นมาจน

ถึงราศีที่กาไว้ได้เท่าใด  จึงเอา ๒ คูณ เอาดิถีขึ้นหรือแรมมิได้ลดบวกเข้า  แล้วเอา ๗ หาร

          เศษ ๑ อุบาทว์ฤกษ์   ห้ามมิให้ไปทางทิศอีสาน และทิศพายัพ  ไม่ควรประกอบการมงคลใด ๆ ทั้งสิ้น  นอกจากทำไร่ไถนา  และฝึกช้างม้าดีนัก

          เศษ ๒ อัมฤคฤกษ์   ห้ามมิให้ไปทางทิศบูรพาและพายัพ  ห้ามมิให้ทำการมงคลอย่างอื่นแต่สร้างบ้านเรือนกุฏิวิหาร  เรียนศาสตราคม  เอาลูกลงท่า  ขวั้นสายมุ้ง ดีแล

          เศษ ๓ กาลฤกษ์  ห้ามมิให้ไปทางทิศอีสานและอาคเนย์  ห้ามมิให้ทำการก่อสร้างบ้านเรือน ปลูกกุฏิ  วิหาร  การเปรียญ  ถ้าขืนทำจะบังเกิดภัยใหญ่ จะเป็นถ้อยความเสียทรัพย์สินเงินทอง เจ็บไข้ปางตาย

ลำบากนัก

          เศษ ๔ อัมฤคฤกษ์  ห้ามมิให้ไปทางทิศอุดร  ไปค้าขายทางเรือก็ดี  เอาลูกลงท่าก็ดี นุ่งผ้าใหม่ก็ดี แต่การอื่นมิดี  ให้พึงเว้นเสีย

          เศษ ๕ เพชรฤกษ์  ห้ามมิให้ไปทางทิศทักษิณ ถ้าไปค้าขายทางเรือจะได้ลาภผลอุดม เอาทรัพย์สินเข้าคลังก็ดี เอาลูกลงท่าก็ดี จะฝังเข็มก็ดี  จะย้อมฟันก็ดี ประสิทธิผลดีทุกประการ

          เศษ ๖ ชัยฤกษ์  ห้ามมิให้ไปทางทิศประจิม  เดินทางไปค้าขายเกิดลาภผลทุกประการ  ถ้าจะทำการสิ่งใดก็ดี  ทำอาคมเครื่องคงทนดี  ประสิทธิดีนัก

          เศษ ๗ มรณะฤกษ์  ห้ามมิให้ไปทางทิศอาคเนย์  ทิศอื่น ๆ ก็ไม่ควรไป หาลาภผลมิได้จะประภัยอันตราย

อธิบายไว้สักนิด เพราะศัพท์บางคำ อาจจะงงได้เหมือนกัน

          1. การนับเดือนให้นับเดือนทางจันทรคติ(เดือนไทย) เช่น คิดจะทำการมงคลใน วันขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๙

นับราศีเมษเป็นเดือน ๕
ราศีพฤษภเป็นเดือน ๖
ราศีมิถุนเป็นเดือน ๗
ราศีกรกฏเป็นเดือน ๘
ราศีสิงห์เป็นเดือน ๙ กาที่ราศีสิงห์ไว้

          2. นับจากราศีพฤษภมาจนถึงราศีที่กาไว้ ตามตัวอย่าง นับได้ 4
3. เอา 4 ตั้ง เอา 2 คูณ บวกด้วย 5 (วันขึ้น ๕ ค่ำ) แล้วหารด้วย 7 = 4*2+5/7 = ลัพท์ 1 เศษ 6
4. เศษ ๖ ชัยฤกษ์  ห้ามมิให้ไปทางทิศประจิม  เดินทางไปค้าขายเกิดลาภผลทุกประการ  ถ้าจะทำการสิ่งใดก็ดี  ทำอาคมเครื่องคงทนดี  ประสิทธิดีนัก ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

การตั้งชื่อตามหลักโหราศาสตร์


การตั้งชื่อบุคคลตามแบบโหราศาสตร์ 

          การตั้งชื่อบุคคลเป็นการสงเคราะห์เพื่อนมนุษย์ตาดำ ๆ ด้วยกัน ที่ปากมนุษย์ เรียกขานเพราะปากมนุษย์ที่เรียกขานชื่อนั้นเสมอด้วยปากของพรหมบุตร  ให้ศีลให้พรอยู่เป็นนิจนิรันดร หรือแช่งชักชื่อนั้น ๆ อยู่ตลอดกาลก็ได้ เมื่อชื่อเป็นมงคลนามแก่ตนเองถูกต้องกฎเกณฑ์ดีแล้ว จะไม่มีอานุภาพอันใดมาเปลี่ยนสีสรรของดวงชาตาให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้  การตั้งชื่อบุคคลให้ถูกต้องตามแบบโหราศาสตร์  อย่ารีบพรวด ๆ พราด ๆ ต้องพินิจพิเคราะห์  เพราะการตั้งชื่อบุคคลเป็นวิธียอดสูงสุดของโหราศาสตร์ เมื่อตั้งชื่อให้ถูกต้องตามดวงชาตาหนึ่ง ๆ มีขาดหรือเกินอะไรอยู่อีกจึงจะสมบูรณ์  และห้ามกางตำราที่มีอักษรประจำภูมิทักษาออกมาดูอักษรวรรคอะไรเป็นเดชเป็นศรีแก่วันเกิดของเจ้าชาตา  ห้ามนำมาเกี่ยวข้องเป็นอันขาด
       
          วิธีตั้งชื่อบุคคลตามแบบโหราศาสตร์  เมื่อผูกดวงชาตาเสร็จแล้ว  ก็พิจารณาคุณภาพของดาวเคราะห์ในพื้นดวงของเจ้าชาตา  ว่าดาวเคราะห์ดวงไหนเป็นอย่างไร  โดยพิจารณาให้เป็นคุณเรียงความสำคัญ  คือดาวอะไรเป็น  เกษตร,  อุจ-มหาอุจ, ราชาโรค,  มหาจักร, ประ, นิจ ฯ (ดาว ๙ และ ๐ ยกเว้น)  เมื่อดาวเคราะห์ดวงใดไร้คุณภาพ เพราะเป็นนิจ ตกเป็นอริ,  มรณะ, วินาศ กับลัคนาให้ตัดออกให้เหลือเฉพาะที่ดีและให้คุณจริง ๆ

         ๑.  ให้พิจารณาดาวเคราะห์ชั้นดีที่เหลือเป็นครั้งสุดท้ายว่า  ดวงไหนมีคุณภาพสูงกว่ากัน เช่น มหาอุจสูงกว่าเกษตร, เกษตรสูงกว่าตำแหน่งอื่น ๆ  เช่น สูงกว่าอุจจาวิลาศ  ราชาโชค มหาจักร  หรืออุจจาภิมุข  ดังนี้เป็นต้น

         ๒.  ถ้าดาวเคราะห์ที่มีคุณภาพเท่ากัน  แต่ ๒ ดวง  ให้ถือดาวที่มีตำแหน่งสูงกว่าเป็นเครื่องตัดสิน  คือ
              (๑ )  -เป็นองค์เกณฑ์หรือกุมลัคนา
              (๒ )  -เป็นโยคหน้าหรือหลังกับลัคนา
              (๓ )  -เป็นตรีโกณหน้าหรือหลังกับลัคนา
              (๔ )  -เป็นศูนย์พาหนะกับลัคนา
              (๕ )  -เป็นจตุสดัยหน้าหรือหลังกับลัคนา
              (๖ )  -เล็งกับลัคนา
              ถ้าหากไม่มีดาวเคราะห์ชั้นดี  ให้พิจารณาดาวสามัญที่ให้คุณกับลัคนา

          อักษรประจำตัวดาวเคราะห์ทุกดวง  (ยกเว้น ดาว ๙ และ ๐ )

          สระทั้งหมดรวมทั้งอักษร อ และ ฤ ฤา   ประจำดาว ๑  เป็น   ครุฑนาม
          ก  ข  ค  ฆ  ง                                             ประจำดาว ๒  เป็น   พยัคฆนาม
          จ  ฉ  ช  ซ  ฌ  ญ                                      ประจำดาว ๓  เป็น   สิงหนาม
          ฎ  ฏ  ฐ  ฑ  ฒ  ณ                                      ประจำดาว ๔  เป็น  โสณนาม
          ด  ต  ถ  ท  ธ  น                                         ประจำดาว ๗  เป็น  นาคนาม
          บ  ป  ผ  ฝ  พ  ฟ  ภ  ม                              ประจำดาว ๕  เป็น   อิสินาม
          ย  ร  ล  ว                                                    ประจำดาว ๘  เป็น   คชนาม
          ส  ษ  ศ  ห  ฬ                                              ประจำดาว ๖  เป็น   อชนาม

          ถ้าเอาอักษรใดขึ้นต้นของชื่อ  ก็เรียกชื่อนั้นว่าได้นามกรรมนั้น ๆ เช่น ชื่อว่า  สิงห์โต  ก็เรียกว่าชื่อได้อชนาม  เพราะอักษร  ส. ประจำดาว ๖ หรือศุกร์เป็นอชนาม  หรือ  ชื่อฤทธิ์  ชื่ออุดม  เช่นนี้ก็เรียกว่าชื่อได้ครุฑนาม  เพราะ ฤ และ อ. เป็นสระประจำดาว ๑ หรืออาทิตย์เป็นครุฑนาม  ดังนี้เป็นต้น

ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2556

สีมงคลประจำวันเกิด


สีมงคลประจำวันเกิด

สำหรับนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกเสื้อผ้า เครื่องประดับ ตามหลักโหราศาสตร์ (มหาภูตะ มอญโบราณ)

สำหรับคนที่เกิดวันอาทิตย์
ความสำเร็จ : สีม่วง ส้ม เหลือง
โชคลาภ : สีขาว
อำนาจ : สีครีม เทา
บริวาร, การขอความช่วยเหลือ : สีแดง
ทะเลาะ, มีปากเสียง : สีเขียว
เจ็บป่วย : สีดำ น้ำเงิน
มรณะ  : สีชมพู

สำหรับคนที่เกิดวันจันทร์
ความสำเร็จ : สีขาว ครีม เทา
โชคลาภ : สีชมพู
อำนาจ : สีเขียว
บริวาร, การขอความช่วยเหลือ : สีเหลือง ส้ม
ทะเลาะ, มีปากเสียง : สีม่วง
เจ็บป่วย : สีดำ น้ำเงิน
มรณะ : สีแดง

สำหรับคนที่เกิดวันอังคาร
ความสำเร็จ : สีดำ น้ำเงิน
โชคลาภ : สีเขียว
อำนาจ : สีแดง
บริวาร, การขอความช่วยเหลือ : สีชมพู
ทะเลาะ, มีปากเสียง : สีครีม เทา
เจ็บป่วย : สีขาว
มรณะ : สีม่วง ส้ม เหลือง

สำหรับคนที่เกิดวันพุธ
ความสำเร็จ : สีแดง
โชคลาภ : สีม่วง ส้ม เหลือง
อำนาจ : สีขาว
บริวาร, การขอความช่วยเหลือ : สีเขียว
ทะเลาะ, มีปากเสียง : สีดำ น้ำเงิน
เจ็บป่วย : สีชมพู
มรณะ : สีครีม เทา

สำหรับคนที่เกิดวันพฤหัส
ความสำเร็จ : สีขาว
โชคลาภ : สีครีม เทา
อำนาจ : สีชมพู
บริวาร, การขอความช่วยเหลือ : สีม่วง ส้ม เหลือง
ทะเลาะ, มีปากเสียง : สีแดง
เจ็บป่วย : สีเขียว
มรณะ : สีดำ น้ำเงิน

สำหรับคนที่เกิดวันศุกร์
ความสำเร็จ : สีชมพู
โชคลาภ : สีดำ น้ำเงิน
อำนาจ : สีเขียว
บริวาร, การขอความช่วยเหลือ : สีครีม เทา
ทะเลาะ, มีปากเสียง : สีขาว
เจ็บป่วย : สีม่วง ส้ม เหลือง
มรณะ : สีแดง

สำหรับคนที่เกิดวันเสาร์
ความสำเร็จ : สีเขียว
โชคลาภ : สีแดง
อำนาจ : สีม่วง ส้ม เหลือง
บริวาร, การขอความช่วยเหลือ : สีดำ น้ำเงิน
ทะเลาะ, มีปากเสียง : สีชมพู
เจ็บป่วย : สีครีม เทา
มรณะ : สีขาว

หมายเหตุ เป็นสีปกติสากลที่ใช้ได้กับบุคคลทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย โดยไม่ต้องคำนึงถึงดวงส่วนบุคคล
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

วิธีแก้เคราะห์ร้าย


วิธีแก้เคราะห์ร้าย

          เคราะห์ร้ายทางโหราศาสตร์ เขาถือเอาดาว ๗ และ ๘ เข้าทับลัคนา  และเนื่องจากโหราศาสตร์  เกิดก่อนพุทธศาสนา จึงนิยมใช้สีแสงของดวงดาว เป็นการแก้เคราะห์ร้าย แต่การใช้สีแสงต้องไม่ขัดกันกับเจ้าเรือนลัคนา และถือว่าการใช้สีเป็นของสำคัญยิ่งนัก  ต้องใช้สีให้ถูกต้อง อย่าใช้สีที่เป็น อริ มรณะ วินาศ แก่เจ้าเรือนลัคนา ท่านบูรพาจารย์กล่าวว่า ผู้ที่ไม่เชื่อฉิบหายทุกราย

ถ้าลัคนาอยู่ราศีสิงห์ - ใช้ทับทิมแดง  พลอยสีแดงชนิดหนึ่ง  สีแดงเหมือนเม็ดทับทิม
ถ้าลัคนาอยู่ราศีกันย์ มิถุน - ใช้มรกต แก้วสีเขียวใบไม้
ถ้าลัคนาอยู่ราศีกรกฎ - ใช้ไข่มุกขาว แก้วชนิดหนึ่งสีหมอกอ่อน ๆ คล้ายสีหอยไข่มุก 
ถ้าลัคนาอยู่ราศีพฤษภ ตุลย์ - ใช้เพชร  แก้วแข็งที่สุดมีแสงแวววาวมากกว่าพลอยอื่นๆ        
ถ้าลัคนาอยู่ราศีธนู มีน - ใช้บุษราคัม  พลอยสีเหลือง
ถ้าลัคนาอยู่ราศีมังกร - ใช้นิล พลอยสีดำหรือขาบ  เขียวแก่
ถ้าลัคนาอยู่ราศีกุมภ์ - ใช้โมรา  หินลายชนิดหนึ่ง  นับเข้าในพวกหินมีค่า 
ถ้าลัคนาอยู่ราศีเมษ  พิจิก - ใช้โกเมน พลอยสีแดงเข้มมีลักษณะ ๔ สี  ขาว เหลืองซีด แดง น้ำเงิน บางท่านเรียกว่า เพชรดำ และบางท่านเรียกว่า คดปลวก, ผีพุ่งใต้ แต่ไม่ใช่ เพราะน้ำหนักเบากว่า ในวงการชั้นสูงเรียกว่า หินจันทรคราส 

          เมื่อพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นแล้ว  วิธีแก้เคราะห์ร้าย ก็ดำเนินไปตามหลักของพุทธศาสนาโดยถือเอาดาวเคราะห์เป็นพระเสวยอายุ เขาถือว่า  ถ้าตกพระเสาร์หรือพระราหูนับว่าเคราะห์ร้ายมาก ต้องปล่อยนก ปล่อยปลา ทำบุญ และต้อนรับบูชาเท่ากำลังของพระเสาร์ - ราหู หรือไปรดน้ำมนต์กับพระสงฆ์ก็ได้

 คาถาสวดมนต์เวลาดาวให้ร้ายกับดวงชาตา

คาถานี้  สวดก่อนจะนอน  หรือนอน - นั่ง ก็สวดได้ทั้งนั้น

คาถาบูชาพระ ๑ (อาทิตย์)       "รัตตะวัณโณ  รัตตะวัณณะวิภูสิโต"    ๖ จบ
คาถาบูชาพระ ๒ (จันทร์)         "เสตะวัณโณ  เสตะวัณณะวิภูสิโต"   ๑๕ จบ
คาถาบูชาพระ ๓ (อังคาร)        "ตามะพะวัณโณ  ตามะพะะวัณณะวิภูสิโต"  ๘ จบ
คาถาบูชาพระ ๔ (พุธ)            "นิลละวัณโณ  นิลละวัณณะวิภูสิโต"  ๑๗ จบ
คาถาบูชาพระ ๕ (พฤหัสบดี)    "ปิตะวัณโณ  ปิตะวัณณะวิภูสิโต"  ๑๙ จบ
คาถาบูชาพระ ๖ (ศุกร์)           "ปภัสสรวัณโณ  ปภัสสรวัณณะวิภูสิโต"  ๒๑ จบ
คาถาบูชาพระ ๗ (เสาร์)          "กาฬวัณโณ  กาฬวัณณะวิภูสิโต"  ๑๐ จบ
คาถาบูชาพระ ๘ (ราหู)           "วาธะวัณโณ  วาธะวัณณะวิภูสิโต"  ๑๒ จบ

          สำหรับคาถาสวดนี้  บางอาจารย์ก็กล่าวอ้างใช้ต่าง ๆ กัน  แล้วแต่ท่านจะเลือกใช้เพื่อความเหมาะสม            
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

เมื่อดาวพฤหัสย้าย


สิ้นเดือนหน้า ดาวพฤหัสซึ่งเป็นประธานดาวศุภเคราะห์ และเป็นดาวแห่งโชค ก็จะย้ายจากราศีพฤษภ มาเข้าราศีิมิถุนแล้ว ก็เลยนำเรื่องของดาวพฤหัสในแง่มุมของโหราศาสตร์ มาเล่าสู่กันฟัง

***ความสำคัญของดาวพฤหัสบดี***

พฤหัสบดีกุมลัคน์ - เฉลียวฉลาดและซื่อจนในที่สุดก็กลายเป็นเซ่อ  คือเป็นคนไม่ทันต่อความอลเวงของโลกในปัจจุบัน
พฤหัสบดีเป็น ๒ แก่ลัคนา - สมองใสเสมอด้วยก้อนแก้ว
พฤหัสบดีเป็น ๓ แก่ลัคนา - นอกจากหัวจะมีแต่ขี้เลื่อยแล้ว  ยังมีความอวดดีอวดรู้เกินกว่าแพทย์จะรักษาเยียวยาได้ด้วย แต่ถ้าพฤหัสบดีเป็น อริ มรณะ หรือ วินาศ หรือ ประ นิจ โดยเรือนใน หรือเรือนนอก ก็กลับจะเป็นโง่ ลบด้วยเขลา คือปรีชาสามารถคนหนึ่งเหมือนกัน
พฤหัสบดีเป็น ๔ แก่ลัคนา - เป็นดาวเคราะห์ที่ทรงคุณประเสริฐแท้ ๆ ทุกด้าน
พฤหัสบดีเป็น ๕ แก่ลัคนา - ชอบคิดวาดฝัน มีความคิดริเริ่มใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา
พฤหัสบดีเป็น ๖ แก่ลัคนา - กลอกกลิ้งเอาการอยู่ ใช้ปัญญาเอาเปรียบผู้อื่น
พฤหัสบดีเป็น ๗ แก่ลัคนา - ให้คุณสมบัติต่าง ๆ กันคือ 
          ๕ อยู่เมษลัคนาอยู่ตุลย์ - มีความคิดอ่านข้ามหัวคน
          ๕ อยู่พฤษภลัคนาอยู่พิจิก -ทำให้เจ้าชาตากลายเป็นคนสงบ  รักการศึกษา ศีลธรรมดี โดยมากมีสติปัญญาอย่างปราชญ์
          ๕ อยู่มิถุนลัคนาอยู่ธนู - เป็นครูคนได้ทั้งเมือง แต่เป็นครูตนเองไม่ได้
          ๕ อยู่กรกฎลัคนาอยู่มังกร - เป็นคนมีเกียรติและมีความคิดอ่านอย่างสูง
          ๕ อยู่สิงห์ลัคนาอยู่กุมภ์ - หลักแหลมเฉลียวฉลาดหาตัวจับยาก
          ๕ อยู่กันย์ลัคนาอยู่มีน - ก้องแกล้งตลบแตลงเป็นเอก
          ๕ อยู่ตุลย์ลัคนาอยู่เมษ - ถ้าเป็นชาตาหญิง มีสัจธรรมเป็นที่หนึ่ง ถ้าเป็นชาย เป็นคนซื่อสัตย์และเข้มแข็งในการงาน
          ๕ อยู่พิจิกลัคนาอยู่พฤษภ - เป็นนักปราชญ์ ถนัดในวิชาลี้ลับเป็นชีวิตจิตใจ
          ๕ อยู่ธนูลัคนาอยู่มิถุน - ไฝ่ใจในพระศาสนา และกันถึงทางโลกก็ใฝ่ใจไม่แพ้กัน
          ๕ อยู่มังกรลัคนาอยู่กรกฎ - สติปัญญาทื่อมะรื่อชอบกล
          ๕ อยู่กุมภ์ลัคนาอยู่สิงห์ - ชอบเรียนคาถาอาคม ถ้าศึกษาเดียรฉานจะมีความรู้อย่างอัศจรรย์
          ๕ อยู่มีนลัคนาอยู่กันย์ - ใฝ่ใจในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง  ทั้งจริตมารยาทก็สงบดีด้วย
พฤหัสบดีเป็น ๘ แก่ลัคนา - ความจำดี มีหัวพลิกแพลง เอาตัวรอดเก่ง
พฤหัสบดีเป็น ๙ แก่ลัคนา - มีหลักวิชาความรู้มั่นคง
พฤหัสบดีเป็น ๑๐ แก่ลัคนา - ชีวิตอยู่ในสถานะราบรื่นตลอดชาติ
พฤหัสบดีเป็น ๑๑ แก่ลัคนา - ชีวิตอยู่ในสถานะราบรื่นตลอดชาติ
พฤหัสบดีเป็น ๑๒ แก่ลัคนา  - นอกจากจะเป็นกำพร้าแต่เล็กแล้ว ชีวิตจิตใจก็คดโกงสิ้นดี และมีศิลปอย่างเลิศอยู่ประเภทหนึ่ง คือโกหกหน้าตายอย่างสนิท

***กฏเกณฑ์ใช้ดาวพฤหัสบดี สอบเวลาตกฟากให้แม่นยำ***

     ๑.  พฤหัสบดีเป็น ๓ แก่ลัคนา  ในหัวมีแต่ขี้เลื่อย ความความจำช่างน้อยอย่างน่าสงสาร

     ๒.  พฤหัสบดี หรือ เสาร์ เป็นมรณะ หรือ วินาศ แก่ลัคนา เป็นชาตาของผู้ขาดผู้อุปถัมภ์  โดยมากบิดา-มารดา  ตายจากไปตั้งแต่เจ้าชาตายังมีอายุน้อยมาก  หรือมิฉะนั้นก็ไม่ได้อยู่กับบิดามารดาแต่เยาว์วัย
      - ถ้าอยู่ในเรือนมรณะแก่ลัคนา  คือ ราศีที่ ๘ โดยมากมักจะมั่งมีทุกคน
      - แต่ถ้าลัคนาอยู่ในราศีที่ดาวเคราะห์เรือนที่ ๘ โดยดาวเคราะห์นั้นไปเป็น ประ นิจ กลับแห้งแล้ง  เพราะ ประ นิจ ไม่มีคุณสมบัติ (แต่ถ้าเปลี่ยนชื่อเจ้าชาตาให้เป็นไปตามดาว ประ นิจ เสียได้ ชีวิตก็มีหนหางเจริญขึ้นได้  หมายถึงชื่อนั้นต้องมีอักษรของดาวที่เป็น ประ นิจ คล้าย ๆ ทำนองชื่อให้เสีย ๆ ผลลัพธ์ก็จะได้ประดุจ ลบ-ลบ เป็นบวกนั่นเอง)

       ตัวอย่างเช่น ลัคนาอยู่ในราศีตุลย์ ดาว ๖ อยู่เรือนภพมรณะ คือเป็น ๘ แก่ลัคนาเรือนใน แล้วดาว ๖ ไปสถิตอยู่ในราศีพิจิก หรืออยู่ราศีเมษ  เรียกว่าเป็นประ ถ้าดาว ๖ อยู่กันยฺ์ เป็นนิจ ดังนี้เป็นต้น
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

แปลงวันให้เป็นเวลา(ดวงยาม)



     ว่ากันว่า ดวงยามหรือกาลชะตา ต้องอาศัยช่วงเวลาหนึ่งๆในรอบวัน ในการกำหนดจุดพยากรณ์ เช่น หากมีคนเข้ามาให้พยากรณ์ ในเวลา 15.00 น. ของวันเสาร์ ก็ใช้เวลาที่คนๆนั้นเข้ามาหา เป็นจุดพยากรณ์ โดยตั้งดวงกาลชะตา ณ.เวลา 15.00 น. ก็สามารถทายได้โดยไม่ยุ่งยากอะไร แต่หากต้องการพยากรณ์จรโดยระบุวัน เช่น อยากทราบว่า วันที่ 18 สิงหา 2554 เกิดอะไรขึ้น? กลับไม่สามารถใช้ดวงกาลชะตาทายเหตุการณ์จรได้ เพราะไม่ทราบเวลา รู้แค่วันเดือนปีเท่านั้น 

     จากคำกล่าวที่ว่า ดวงกาลชะตาไม่สามารถพยากรณ์จรได้นั้น เห็นว่าจริงเป็นบางส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะถ้าเราสามารถเอาวันที่เกิดเหตุจรแปลงกลับมาเป็นเวลาใดเวลาหนึ่งในรอบวันได้ ก็สามารถใช้ดวงยามทายเหตุการณ์จรได้เหมือนกัน ส่วนจะแม่นยำแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถของนักพยากรณ์ 

วันนี้ผมจะมาแนะวิธีแปลงวันที่ประสงค์ (วันที่ต้องการ) ให้มาเป็นเวลาประสงค์ (เวลาที่ต้องการ)

ข้อมูลเบื้องต้นที่ต้องทราบในการแปลงวันเกิดเหตุให้เป็นเวลา คือ

........1 ปี มี 365 วัน
........1 วันมี 24 ชั่วโมง หรือ 1440 นาที
........จุดตั้งต้นจะอยู่ที่เที่ยงตรง เมื่อเทียบเป็นปี ก็คือ วันที่อาทิตย์ยกเข้าราศีเมษ 0 องศา 0 ลิปดา นั่นเอง

ตัวอย่างเช่น จะแปลงวันที่ 18 สิงหาคม 2554 ให้เป็นเวลาประสงค์ วิธีการคือ 

     1. ให้นับจากวันที่อาทิตย์ยกเข้าราศีเมษ 0 องศา 0 ลิปดา (ปี 54 จะเป็นวันที่ 14 เมษายน) คือนับ 1 ในวันที่ 14 เมษายน มาถึงวันที่ 18 สิงหาคม รวมเป็น 126 วัน

     2. ใช้วิธีเทียบอัตราส่วน หรือคนรุ่นเก่าๆเรียกว่า เทียบบัญญัติยางค์ คือ 365 วัน เท่ากับ 1440 นาที ถ้า 126 วันจะเท่ากับกี่นาที เมื่อได้จำนวนนาทีแล้ว ก็เอา 60 หารจะเป็นชั่วโมง เศษเอา 60 คูณจะเป็นนาที ตามตัวอย่างจะคำนวน ดังนี้

126 * 1440 / 365 = 497.0958 นาที (ทศนิยมแค่ 4 ตำแหน่งก็พอ)

497.0958 / 60 = 8.2849 ลัพธ์ก็คือ 8 ชั่วโมง

.2849 * 60 = 17.094 ลัพธ์ก็คือ 17 นาทีเศษ ให้ปัดเศษขึ้นเป็น 18 นาที

จะได้ผลลัพธ์คือ 8 ชั่วโมง 18 นาที

     3. ให้นับจากเที่ยงตรง คือ 12.00 น. บวกจำนวนชั่วโมง นาที ที่หาได้ คือ

12.00 + 08.18 = 20.18 น.

ปล. หากใช้วิธีต้องระวังปีที่มีวันที่ 29 กุมภาด้วย เช่น ปี 2555 นี้ จะต้องเทียบ 1 ปีมี 366 วัน

ก็หวังว่าพอจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่นักเล่นดวงยามทั้งหลายน่ะครับ

ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

วิธีหาปีทางจันทรคติ


หลักการคำนวนหาปีทางจันทรคติ มีวิธีที่ง่าย แต่ไม่ค่อยมีใครเขียนเผยแพร่กันนัก ทุกท่านควรทราบไว้ ยิ่งท่านที่เป็นนักพยากรณ์ด้วยแล้ว ยิ่งควรจะน่ารู้ไว้ วิธีนี้สามารถคำนวนในใจได้ไม่ถึงนาที ไม่ต้องเสียเวลาเปิดปฏิทิน วิธีคำนวนมีดังนี้

1. ตั้ง พ.ศ. ที่ต้องการจะทราบลง 
2. ให้เอา 6 บวก พ.ศ. ได้ลัพธ์เท่าไหร่ ตั้งไว้
3. ให้เอา 12 หารลัพธ์ตามข้อ 2 เหลือเศษเท่าไหร่มาเทียบ ดังนี้

ถ้าเหลือเศษ 1 เป็นปี ชวด
ถ้าเหลือเศษ 2 เป็นปี ฉลู
ถ้าเหลือเศษ 3 เป็นปี ขาล
ถ้าเหลือเศษ 4 เป็นปี เถาะ
ถ้าเหลือเศษ 5 เป็นปี มะโรง
ถ้าเหลือเศษ 6 เป็นปี มะเส็ง
ถ้าเหลือเศษ 7 เป็นปี มะเมีย
ถ้าเหลือเศษ 8 เป็นปี มะแม
ถ้าเหลือเศษ 9 เป็นปี วอก
ถ้าเหลือเศษ 10 เป็นปี ระกา
ถ้าเหลือเศษ 11 เป็นปี จอ
ถ้าเหลือเศษ 0(หารลงตัว) เป็นปี กุน

ตัวอย่าง ปีนี้ พ.ศ. 2556

2556+6 = 2562
2562/12 = 213 เศษ 6
เศษ 6 = ปีมะเส็ง

เป็นไงครับ ง่ายกว่าที่คิดหรือเปล่า หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยน่ะครับ
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

การคำนวนหาฤกษ์พระจันทร์

     วันนี้มาพูดถึงการคำนวนหาฤกษ์จากองศาพระจันทร์ ซึ่งหลายๆท่านอาจยังไม่ทราบ ท่านที่ทราบแล้วก็...ผ่าน..ได้เลยครับ

เริ่มต้น...ต้องรู้มาตราส่วนที่เกี่ยวกับการคำนวนก่อน

1 ราศี = 30 องศา
1 องศา = 60 ลิปดา
1 ฤกษ์ = 60 นาทีฤกษ์
1 นาทีฤกษ์ = 60 วินาทีฤกษ์
1 ฤกษ์ = 800 ลิปดา
1 ฤกษ์มี 4 บาทฤกษ์
1 บาทฤกษ์ = 200 ลิปดา
1 ราศีจักร มี 27 ฤกษ์ แบ่งเป็น 3 ช่วงๆละ 9 ฤกษ์

     ขั้นแรก ต้องรู้องศาของพระจันทร์ในวันประสงค์(วันที่ต้องการหาฤกษ์) ตามรูปตัวอย่างคือ วันที่ 22 กรกฏาคม 2555 ซึ่งวันนั้นพระจันทร์สถิตย์อยู่ราศีสิงห์ 16 องศา 16 ลิปดา



วิธีการหาฤกษ์ คือ
     1. ทอน ราศี องศา ของพระจันทร์ให้เป็นลิปดา ตามตัวอย่าง นับตั้งแต่ 0 องศาของราศีเมษ

ราศีเมษ มี 30 องศา
ราศีพฤษภ มี 30 องศา
ราศีมิถุน มี 30 องศา
ราศีกรกฏ มี 30 องศา
ราศีสิงห์ มี 16 องศา (จันทร์สถิตย์ราศีสิงห์ 16 องศา 16 ลิปดา)
รวม 136 องศา

เอา 136 * 60 = 8160 ลิปดา (ทอนเป็นลิปดา)
เอา 8160 + 16 = 8176 (บวกด้วยเศษลิปดาของพระจันทร์ในราศีสิงห์)

     2. ได้จำนวนลิปดาเท่าไหร่ หารด้วย 800 ลัพธ์เป็นฤกษ์ เศษนำมาทอนเป็นนาทีฤกษ์ หรือบาทฤกษ์ต่อไป

เอา 8176 / 800 = 10.22 - 9 = 1.22 (หากเกิน 9 เอา 9 ลบ หากเกิน 18 เอา 18 ลบ)

ลัพธ์คือ 1.22 หมายถึง พระจันทร์โคจรผ่านฤกษ์ที่ 1 ไปแล้ว และกำลังโคจรอยู่ในฤกษ์ที่สอง คือ มหัทธโนฤกษ์

     3. เอาเศษมาหานาทีฤกษ์ โดยนำมาคูณกับ 60

เอา .22 * 60 = 13.2 (ลัพธ์คือ 13 เศษ .2)
เอา .2 * 60 = 12 (เอาเศษ .2 คูณ 60 เป็นวินาทีฤกษ์)

ลัพธ์คือ พระจันทร์โคจรอยู่ในมหัธโนฤกษ์ไปแล้ว 13 นาทีฤกษ์ กับ 12 วินาทีฤกษ์

     4. ถ้าต้องการจะรู้ว่า พระจันทร์โคจรอยู่บาทฤกษ์ที่เท่าไหร่ ก็เอาเศษ คูณ 800 ลิปดา หาร 200 ลิปดา(1 บาทฤกษ์ มี 200 ลิปดา)

เอา .22 *800 / 200 = .88 (ยังไม่เต็ม 1 บาทฤกษ์)

ลัพธ์คือ พระจันทร์โคจรอยู่ในมหัธโนฤกษ์ บาทฤกษ์ที่ 1

      ความหมายและการนำฤกษ์ทั้ง 9 ไปใช้ (ข้อมูลด้านล่างนี้ ได้จาก บอร์ดเว็บพลังจิต ผมขี้เกียจพิมพ์แล้ว เพราะมันก็เหมือนๆกัน แต่ก็ให้เครดิตเจ้าของบทความนี้ไว้ด้วย คือ ท่านมหาแซม แห่งเว็บมหาหมอดู)

1. ทลิทโทฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 1 , 10 และ 19 เรียกว่า ทลิทโทฤกษ์ แปลว่า ผู้มักน้อย ผู้เข็ญใจ ผู้ขอ ผู้ต้องเหน็ดเหนื่อย ผู้อดทน ผู้ที่ต้องรับผิดชอบสูง

ฤกษ์นี้เป็นฤกษ์ของ "ชูชก" มีพระอาทิตย์เป็นผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ทั้ง 4 อยู่ในราศีเดียวกันเป็น "บูรณะฤกษ์" คือฤกษ์ที่เต็มโดยสมบูรณ์ คือฤกษ์ที่ไม่ขาดแยกแตกบาทฤกษ์ไปอยู่คนละราศี และเรียกว่า จัตตุรฤกษ์ หรือ ขันธฤกษ์ เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ การขอสิ่งต่างๆ เพราะถือว่าเป็นฤกษ์ของชูชก จะทำการขอสิ่งใดก็ง่าย เช่น การขอหมั้น ขอแต่งงาน ทวงหนี้ กู้ยืม ร้องทุกข์ การทำการใดๆ เพื่อให้ผู้อื่นสงสารกรุณา เปิดร้านขายของชำ ของเก่าชำรุด สมัครงาน ทำการใดๆ ที่ริเริ่มใหม่

สรุปการใช้ฤกษนี้
ฤกษ์นี้ใช้สำหรับ ขอผัดผ่อนหนี้ ขอหมั้น ขอแต่งงาน ขอทำงาน ขอสมัครงาน ขอร้อง สู่ขอ ขอคืนดี ขอรี่ไร ขอส่วนแบ่ง ขอกู้เงิน ยืมเงิน ขอผ่อนผัน ขอให้อุปการะ ขอให้ค้ำประกัน ขอซ่อม ขอร้อง ร้องขอ ขอความเป็นธรรม ขอร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือ สรุปคือบรรดาการขอ (ขอร้อง) ทุกอย่างให้ใช้ฤกษ์นี้

2. มหัทธโนฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 2 , 11 และ 20 เรียกว่า มหัทธโนฤกษ์ แปลว่า คนมั่งมี ผู้รุ่งเรือง เศรษฐี มีพระจันทร์เป็นผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ทั้ง 4 อยู่ในราศีเดียวกันเป็น "บูรณะฤกษ์"

เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ การมงคลต่างๆ เช่น ขึ้นบ้านใหม่ แต่งงาน ปลูกสร้างอาคาร ธุรกิจการเงิน การค้าอุตสาหกรรม เปิดห้างร้าน ลาสิกขาบท สะเดาะเคราะห์ และ สารพัดงานมงคล

สรุปการใช้ฤกษ์นี้
เป็นการกระทำมั่นคงถาวร เช่น สร้างบ้านให้อยู่นานๆ เปิดร้าน เปิดบริษัท เอารถออกจากอู่ ถอยรถใหม่ เปลี่ยนชื่อ อุปสมบท ลาสิกขา และงานมงคลทั้งปวง

3. โจโรฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 3 , 12 และ 21 เรียกว่า โจโรฤกษ์ แปลว่า โจร ผู้ปล้น ผู้ลักขโมย นักเลง ผู้ใช้กำลัง ผู้ทำลายล้าง ผู้กล้าหาญมีอำนาจ ผู้ว่องไว มีพระอังคาร

เป็นผู้รักษาฤกษ์ ฤกษ์บาททั้ง 4 ไม่รวมอยู่ในราศีเดียวกัน คาบเกี่ยวอยู่ 2 ราศีเป็น "ฉินทฤกษ์" คือ ฤกษ์ขาดแตก โดยเฉพาะบาทแรกของต้นราศีนั้น เป็นฤกษ์บาทที่ร้ายแรงมากกว่าบาทอื่น เป็นนวางค์ที่ร้ายแรงมาก ไม่ควรให้ฤกษ์มงคล เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับคนโบราณใช้ในการปล้นค่าย จู่โจมโดยฉับพลัน ข่มขวัญ บีบบังคับ ทำการปราบปราม การแข่งขันช่วงชิง การแย่งอำนาจและผลประโยชน์ งานเสี่ยงๆ ในระยะสั้นๆ การปฏิวัติ งานของบุคคลในเครื่องแบบแบใช้กำลัง

สรุปการใช้ฤกษนี้
โจรจะไปปล้นบ้านใครให้ถือเอาฤกษ์นี้ ฤกษ์แหกคุก ฤกษ์หนีการจับกุม การเอาเปรียบคนอื่น จะไปจับผิดใครให้ใช้ฤกษ์นี้ การปรับทุจริต เป็นฤกษ์ฉกฉวย หรือเป็นการข่มคนอื่น ไปต่อสู้คดี ขึ้นโรงขึ้นศาล คือการทำเพื่อให้ชนะคนอื่น หรือแม้กระทั่งการเอาเปรียบคนอื่น ฤกษ์นี้ยังหมายถึง การท่องเที่ยว การผจญภัย การสอบชิงทุน การแข่งขัน การแข่งกีฬา การข่มขวัญศัตรู การปรับปรุงแก้ไข การปฏิวัติ รวมทั้งเอารถออกจากอู่ (จากการซ่อม) หรือออกจากโชว์รูม (ถอยรถใหม่) ฤกษ์นี้ไม่เหมาะในการลงทุน อาจทำให้ผิดหวังและถูกเบียดเบียนจากคนในเครื่องแบบ

4. ภูมิปาโลฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 4 , 13 และ 22 เรียกว่า ภูมิปาโลฤกษ์ แปลว่า ผู้รักษาแผ่นดิน มีพระพุธเป็นผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ทั้ง 4 อยู่ในราศีเดียวกันเป็น บูรณะฤกษ์

เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ การมงคลต่างๆ งานที่ต้องการความมั่นคงถาวร งานเกี่ยวกับที่ดิน การเกษตร การเช่าซื้อ ก่อสร้าง ปลูกเรือน ยกศาลพระภูมิ แต่งงาน ขึ้นบ้านใหม่ ลาสิกขาบท เปิดอาคารห้างร้าน และ สารพัดงานมงคลทั้งปวง

สรุปการใช้ฤกษนี้
ฤกษ์นี้ที่ใช้ในการทำให้มั่นคงระยะยาว ไม่ใช่ฤกษ์หวังผลในระยะสั้นๆ เช่น สร้างหอพัก สร้างบ้านจัดสรร เพื่อกินกำไรในระยะยาว ให้ความสมบูรณ์พูนสุข ความเจริญรุ่งเรืองที่ไม่หวังผลรวดเร็ว แต่หวังผลในระยะยาวคือนานๆ (มั่งคงถาวร) ฤกษ์นี้เหมาะสำหรับ ลงเสาเข็ม ตั้งศาลพระภูมิ ก่อสร้างวัตถุที่ถาวร หอพัก การพัฒนาการเกษตร เปิดร้าน เปิดโรงงานอุตสาหกรรม สัญญาซื้อขายที่หวังผลระยะยาว อะไรที่เจราที่หวังผลสำเร็จในระยะยาวและมั่นคงถาวร (ไม่ฉาบฉวย) ให้ใช้ฤกษ์นี้ และงานมงคลทั้งปวง

5. เทศาตรีฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 5 , 14 และ 23 เรียกว่า เทศาตรีฤกษ์ แปลว่า ข้ามท้องถิ่น หญิงแพศยา ผู้ท่องเที่ยว บางคราเรียกว่า "เวสิโยฤกษ์" หมายถึงฤกษ์พ่อค้า-แม่ค้า มีพระเสาร์เป็นผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ทั้ง 4 อยู่ปลายราศีหนึ่ง และ ต้นราศีหนึ่ง แห่งละ 2 บาทฤกษ์ คือคาบเกี่ยวอยู่ราศีละครึ่ง คือในราศี พฤษภกับเมถุน ,กันย์กับตุลย์ และ มกรกับกุมภ์ เป็นฤกษ์อกแตก หรือ พินทุฤกษ์ หรือ ตินฤกษ์

เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ งานการติดต่อการค้าระหว่างถิ่น เกี่ยวกับความสนุกสนานชักชวนคนเข้าออกมาก เปิดโรงมหรสพ สถานเริงรมย์ ซ่องโสเภณี โรงแรม โรงหนัง ตลาดและศูนย์การค้า การประกอบอาชีพนอกสถานที่ อาชีพเร่ร่อน อาชีพที่ต้องย้ายที่อยู่เสมอ

สรุปการใช้ฤกษนี้
เป็นฤกษ์ที่ชอบคนเยอะๆ เช่น คนมาเที่ยว รื่นเริง บันเทิง สนุกสนาน เช่น เปิดโรงแรม เปิดสรรพสินค้า เปิดอาบ อบ นวด เปิดสถานบันเทิง งานแสดงคอนเสิร์ตของนักดนตรี เปิดบู๊ตแสดงสินค้า หรือกิจการที่ต้องการให้คนต่างประเทศมาเที่ยว รวมทั้งการทำอะไรที่สนุกสนาน รื่นเริง ฟุ่มเฟือย (บาร์ ไนต์คลับ โรงภาพยนตร์ ภัตตาคาร โรงแรม ตลาดสด ช๊อปปิ้งเซ็นเตอร์)

6. เทวีฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 6 , 15 และ 24 เรียกว่า เทวีฤกษ์ แปลว่า นางพญา ความงามหรูหรา ความมีเสน่ห์ โชคลาภ และ การสมความปรารถนา มีพระพฤหัสฯ เป็นผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ทั้ง 4 อยู่ในราศีเดียวกันเป็น บูรณะฤกษ์ เป็นฤกษ์ที่มุ่งให้เกิดโชคลาภ เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ การเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ การหมั้นหมายและสมรส การส่งตัวเจ้าสาวและเข้าห้องหอ การทำกิจการที่ต้องการชื่อเสียงและมีเสน่ห์ งานมีเกียรติ งานเชิงศิลปะตกแต่งชั้นสูง เปิดร้านค้าอัญมณีเครื่องประดับ ร้านเสริมสวย ตัดเย็บเสื้อผ้า การประชาสัมพันธ์ ลาสิกขาบท ขึ้นบ้านใหม่ ขอความรัก งานเพื่อความสงบเรียบร้อย และ สารพัดงานมงคลทั้งปวง

สรุปการใช้ฤกษนี้
ฤกษ์สู่ขอ หมั้น แต่งงาน ขอความช่วยเหลือจากสตรี (ผู้หญิง) ฤกษ์ที่ใช้ความโอ่อ่า หรูหรา สง่า งาม สวย รวมทั้งศิปละ ออกแบบ ตกแต่ง สวย หรู เช่น โชว์อัญมณี เครื่องประดับ ให้ใช้ฤกษ์นี้

7. เพชฌฆาตฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 7 , 16 และ 25 เรียกว่า เพชฌฆาตฤกษ์ แปลว่า ผู้ทำหน้าที่ฆ่า มีพระราหูเป็นผู้รักษาฤกษ์ ฤกษ์บาททั้ง 4 แตกขาดกัน และ ตรงข้ามกับ โจโรฤกษ์ เรียกว่า "ตรินิเอก" คืออยู่ปลายราศี 3 ฤกษ์บาท และ ต้นราศี 1 ฤกษ์บาท ไม่ควรให้ฤกษ์ในการมงคลเลย เป็น ฉันทฤกษ์ (ฤกษ์แตกขาด)

เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ การฟันผ่าอันตรายและอุปสรรค ต่อสู้เสี่ยงภัยต่างๆ อาสางานใหญ่ ทำกิจปราบปรามศัตรู ตัดสินคดีความ งานที่ใช้การตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ประกอบพิธีไสยศาสตร์ ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ลงเลขยันต์ สร้างวัตถุมงคลแบบคงกระพันชาตรี สร้างสิ่งสาธารณะกุศลสงเคราะห์ เปิดโรงพยาบาล การรักษาโรคเรื้อรังที่หายยากๆ การยาตราทัพ เจิมอาวุธยุทธภัณฑ์ สร้างโบสถ์วิหารการเปรียญ คล้ายกับโจโรฤกษ์ แต่ฤกษ์นี้จะแรงกว่า

สรุปการใช้ฤกษนี้
ฤกษ์แห่งความเด็ดขาด เผด็ดการ งานปราบปราม กำจัดศัตรู ทำพิธี ไสยศาสตร์ ฤกษ์ที่ต้องการใช้ความเด็ดขาด กล้าหาญ การตัดสินใจที่เด็ดขาด จะเลิกกับแฟนให้ใช้ฤกษ์นี้ได้ หรือสามีภรรยาจะหย่ากันให้ใช้ฤกษ์นี้ การผ่าตัด การปลูกเศกของขลัง ใช้ฤกษ์นี้ได้ ฤกษ์นี้สามารถใช้ในการเปลี่ยนชื่อได้ เพราะต้องการความมั่งคง หนักแน่น ไม่ต้องต้องเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก

8. ราชาฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 8 , 17 และ 26 เรียกว่า ราชาฤกษ์ แปลว่าผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีอำนาจวาสนา พระเจ้าแผ่นดิน มีพระศุกร์เป็นผู้รักษาฤกษ์ บาทฤกษ์ทั้ง 4 อยู่ในราศีเดียวกัน เรียกว่า บูรณะฤกษ์ เป็นฤกษ์เฉพาะกิจการของผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้นำกิจการขึ้นไปจนถึงพระราชา

เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ งานราชพิธี งานราชการงานเมือง สร้างที่ประทับ งานที่ต้องการชักจูงให้ผู้อื่นดำเนินตาม การเข้ารับตำแหน่งงาน การแสวงหาชื่อเสียงเกียรติยศ การเข้าหาผู้หลักผู้ใหญ่ งานมงคลสมรสที่หรูหรามีเกียรติ ลาสิกขาบท การขึ้นบ้านใหม่(สามัญชนควรเว้น ถ้าหาฤกษ์ไม่ได้ก็พออนุโลมใช้ได้ เพื่อดวงชะตาและความเหมาะสม) และ งานมงคลทั้งปวง

สรุปการใช้ฤกษนี้
ฤกษ์สูง ฤกษ์ใหญ่โต เป็นฤกษ์ของบุคคลชั้นสูง มีเกียรติ หรือว่างานนั้นมีผู้ใหญ่ เจ้านายมาร่วมทำพิธีด้วย ฤกษ์นี้ใช้ได้กับงานมงคลทั้งปวง

9. สมโณฤกษ์
ได้แก่ฤกษ์ที่ 9 , 18 และ 27 เรียกว่า สมโณฤกษ์ แปลว่า (สงบเรียบร้อย นักบวช นักสอนศาสนา มีพระเกตุเป็นผู้รักษาฤกษ์ ฤกษ์บาททั้ง 4 อยู่ปลายราศีเดียวกัน แต่บาทฤกษ์สุดท้ายนี้เป็นนวางค์ขาดสุดราศีพอดี เรียกว่า "จัตตุรฤกษ์ หรือ ขันธฤกษ์" จึงเป็นจุดที่มีผลเสียให้เกิดอันตรายต่างๆ ในการแข่งขัน ใช้ได้เฉพาะกิจเกี่ยวกับความสงบความสุจริต

เป็นฤกษ์ที่เหมาะสำหรับ ทำพิธีกรรมทางศาสนา และ ทางนักบวช เช่น การทำขวัญนาค การอุปสมบท หล่อพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เข้ารับการศึกษา และการกระทำทุกอย่างเพื่อความสงบร่มเย็นเป็นสุข สงเคราะห์ในฤกษ์นี้ได้ เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ทำบุญต่ออายุ

สรุปการใช้ฤกษนี้
ฤกษ์สงบ บวชพระ สึกพระ งานเกี่ยวกับศาสนา งานที่ไม่หวังผลรวดเร็ว ไม่มีการแข่งขัน ไม่มีการช่วงชิงกับผู้อื่น งานการกุศลทั้งปวง เช่น สร้างศาลาการเปรียญ หรือถาวรวัตถุ งานพุทธาภิเษก หล่อพระ ปฏิบัติธรรม เรียนธรรมะ เปิดสำนักโหรดูดวง เปิดห้องสมุด เปิดสถานที่สาธารณะ ทำบุญต่ออายุ ต่อชะตา ขึ้นบ้านใหม่ เปิดมูลนิธิ เผยแพร่ศาสนา งานการกุศลทั้งหลาย

หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่ผู้ที่ศึกษาโหราศาสตร์ทุกท่านครับ หากมีคำติชมใดๆ ก็เชิญได้เลยครับ ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

หายามที่ดีจากทักษา(ตอนจบ)

เนื่องจากมีคำถามหลังไมล์เข้ามาว่า การหาใช้ทักษาหายาม ตามที่ลงบทความเมื่อครั้งที่แล้วนั้น เป็นการหายามในช่วงเวลา 90 นาที ถ้าต้องการหายามโดยละเอียดได้หรือไม่? คำตอบก็คือ "ได้" วันนี้ก็เลยมาต่อให้จบถึงวิธีการใช้ทักษาหายามที่ดีโดยละเอียด ดังนี้

     1. เมื่อเราหายามที่ดีในช่วง 90 นาทีได้แล้ว ให้ตั้งทักษาอีกรอบ โดยนับยามที่เราหาได้เป็น "บริวาร" จากตัวอย่างเดิม คนเกิดวันอาทิตย์ ต้องการที่จะย้ายเข้าที่อยู่อาศัยใหม่ ใช้วันมูละ คือ วันเสาร์ ใช้เวลาศรี คือ พุธ (13.30-15.00 น.) เราก็ตั้งยามพุธเป็นบริวาร เมื่อพุธเป็นบริวาร ราหูก็เป็นศรี จันทร์ก็เป็นมนตรี อังคารเป็นกาลี


    2. ทอน 90 นาที ให้เป็น 8 ยามย่อย ได้ยามล่ะ 11 นาที 15 วินาที (เอา 90 หาร 8) แล้วตั้งยามใหม่ ยามละ 11 นาที 15 วินาที ตามตัวอย่างข้อ 1 ยามใหญ่คือ ยามพุธ(90 นาที) ก็แตกยามพุธ ออกเป็น 8 ยาม ดังนี้


ยาม เวลา
พุธ 13:30:00 - 13:41:15
จันทร์ 13:41:15 - 13:52:30
เสาร์ 13:52:30 - 14:03:45
พฤหัส 14:03:45 - 14:15:00
อังคาร 14:15:00 - 14:26:15
อาทิตย์ 14:26:15 - 14:37:30
ศุกร์ 14:37:30 - 14:48:45
พุธ 14:48:45 - 15:00:00

     3. ใช้ยามย่อยที่เป็นศรี หรือ มนตรี ของยามใหญ่ ตามตัวอย่าง ยามย่อยราหูเป็นศรี แต่ยามราหูไม่มี(บางตำรา อาจอนุโลมให้ใช้ยามเสาร์แทนยามราหู) จึงใช้ยามจันทร์ที่เป็นมนตรีแทน 
สรุปคือ คนเกิดวันอาทิตย์ ต้องการที่จะย้ายเข้าที่อยู่อาศัยใหม่ ใช้วันมูละ คือ วันเสาร์ ใช้ยามใหญ่ที่เป็นศรี คือ พุธ และยามย่อยที่เป็นมนตรี คือ จันทร์ เวลาที่จะย้ายเข้าที่อยู่อาศัยใหม่คือ เวลา 13:41:15 - 13:52:30 น.

     ข้อควรระวัง อย่าทำการในเวลาที่เป็นกาลี แม้ยามใหญ่จะเป็นศรีก็ตาม ตามตัวอย่าง ยามย่อยอังคาร เวลา 14:15:00 - 14:26:15 น. ห้ามทำการ

     ก็หวังว่าคงจะได้รับประโยชน์จากการใช้ทักษาหายามที่ดีไม่มากก็น้อยน่ะครับ และขอขอบคุณสำหรับคำติชมที่ส่งมาหลังไมล์ด้วยครับ
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

หายามที่ดีจากทักษา


หลายๆท่าน คงเคยได้ยินคำว่า "ฤกษ์งาม ยามดี" กันมาบ้างแล้ว ถ้าพูดถึงฤกษ์ คงพูดกันยาว ตำรับตำราที่เกี่ยวกับฤกษ์ ก็หนาหลายร้อยหน้า อ่านแล้วก็เวียนหัว จับต้นชนปลายไม่ถูก หากไม่ได้ไปศึกษากับครูบาอาจารย์ที่รู้จริง ก็คงยากที่จะใช้ฤกษ์ในการหาเวลาที่ดี เพื่อที่จะทำการต่างๆได้
 
เมื่อหาฤกษ์ได้ยาก ก็ลองหันมาดูที่ยามกันบ้าง ยามคือ ชั่วเวลาหนึ่งๆในรอบวัน โบราณจารย์ท่านแบ่งยามเอาไว้เป็น 16 ยาม คือ
   
กลางวันตั้งแต่เวลา 06.01-18.00 น. มี 8 ยาม ยามล่ะ 90 นาที   
กลางคืนตั้งแต่เวลา 18.01-06.00 น. อีก 8 ยาม ยามล่ะ 90 นาที
 
แต่ล่ะยามก็จะมีพระเคราะห์(ดาว)ประจำยาม ตามรูปด้านล้างนี้
 

 

เมื่อเราพอจะทราบแล้วว่ายามแบ่งอย่างไร มีพระเคราะห์ดวงไหนประจำยามบ้าง วิธีการที่เราจะหายามที่ดีสำหรับตัวเรา ก็ใช้ผังทักษาคู่ธาตุเข้ามาช่วย หน้าตาของผังทักษาคู่ธาตุก็เป็นแบบรูปด้านล่างนี้ (หากต้องการทราบรายละเอียดเกี่ยวกับทักษาคู่ธาตุ ก็ลอง search หาใน google มีครูบาอาจารย์หลายท่าน เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้โดยละเอียดแล้ว)  

 

   ทักษาที่เราจะใช้ในการหายามที่ดี จะใช้ทั้ง 8 ตัว เพราะแต่ละตัวก็มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป

    1. หมวดบริวาร ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ การรับบริวาร(คนรับใช้)  การรับ ลูกเลี้ยง ลูกเขย ลูกสะไภ้ เข้าบ้าน หรือแม้กระทั้งสัตว์ที่เข้ามาอาศัยร่มไม้ชายคาของบ้านเรา ทั้งนี้ยังใช้ได้กับสิ่งของทั่วไป เช่น การจะซื้อโต๊ะ เตียง ตู้ ทีวี ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ตัวบริวารนี้ อย่าคิดว่าไม่สำคัญ เพราะหากบริวารไม่ดีแล้ว จะส่งผลถึงเจ้าบ้าน ทำให้เกิดปัญหา ติดขัด จนบางครั้งกลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตขึ้นมา
 
    2. หมวดอายุ ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ สุขภาพ เช่น การทำประกันสุขภาพ การเข้าหรือออกจากโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว การทำพิธีกรรมบางอย่างเกี่ยวกับการต่ออายุ
 
    3. หมวดเดช ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ อำนาจ บารมี หรือการแข่งขัน การต่อสู้ เช่น การเลือกตั้ง การสอบ การแข่งขันกิฬาต่างๆ แม้กระทั้งการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ในการเข้าจับกุมคนร้าย
 
    4. หมวดศรี ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ ความรัก ความดี ความเป็นมงคล เช่น การแต่งงาน(สำหรับเรื่องการแต่งงาน ควรหาฤกษ์เป็นหลัก และใช้ยามประกอบ) การเปิดบริษัทฯ ห้างร้าน กิจการที่ต้องการเกียรติยศชื่อเสียง
 
    5. หมวดมูละ ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ ความมั่นคง ความสามัคคี ความปรองดอง รวมถึงที่อยู่อาศัย เช่น การรวมกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ การซื้อขายที่ดิน การย้ายเข้าหรือออกจากที่อยู่อาศัย
 
    6. หมวดอุตสาหะ ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ ความเพียร ความพยายาม หน้าที่การงาน เช่น การขอปรับเงินเดือน การขอเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง การเริ่มต้นเข้าทำงาน หรือการเริ่มต้นทำกิจกรรมบางอย่างที่ต้องใช้เวลานานๆ
 
    7. หมวดมนตรี ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ การอุปถัมภ์ ความช่วยเหลือ เช่น การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น การเข้าหาผู้ใหญ่ด้วยเรื่องสำคัญ การเปิดเว็บไซค์ การเปิดร้านอาหาร ร้านค้า แผงลอย การขายทั่วไปที่ต้องการลูกค้ามาช่วยอุดหนุนเยอะๆ
 
    8. หมวดกาลี หรือกาลกิณี ใช้สำหรับหาเวลาที่ดี สำหรับกิจกรรมที่เกี่ยวกับ อุปสรรค ปัญหา ความชั่วร้าย ความไม่ดีต่างๆ เช่น คดีความที่กำลังจะแพ้ ป้ญหาที่แก้ไม่ตก หรือแม้แต่พิธีกรรมบางอย่างในการขับไล่สิ่งที่ไม่ดี

   หลักการใช้ทักษาในการหายามที่ดี  

   1. ใช้วันเกิดของตัวเราเองเป็นตัวตั้ง เช่น เกิดวันอาทิตย์ ก็ตั้งทักษาอาทิตย์ (เลข ๑) เป็นบริวาร หรือ เกิดวันจันทร์ ก็ตั้งทักษาจันทร์ (เลข ๒) เป็นบริวาร
   2. ใช้วันตามหมวดให้เข้ากับเรื่องที่เราต้องการ
   3. เลือกเวลาที่ดี ใช้อยู่ 2 อย่าง คือ เวลาศรี(ดีงาม เพรียบพร้อม) กับ เวลามนตรี(ความช่วยเหลือ) ห้ามใช้ยามกาลีโดยเด็ดขาด

   ตัวอย่าง 1  คนเกิดวันอาทิตย์ ต้องการที่จะย้ายเข้าที่อยู่อาศัยใหม่ ใช้วันมูละ คือ วันเสาร์ ใช้เวลาศรี คือ พุธ (13.31-15.00 น.)  ในการย้ายเข้าที่อยู่อาศัย หรือเรียกว่า ทำมูละให้เป็นศรี

   ตัวอย่าง 2  คนเกิดวันเสาร์ ต้องการที่จะเปิดเว็บไซค์ ใช้วันมนตรี คือ วันอังคาร ใช้เวลาศรี คือ ศุกร์ (09.01-10.30 น.) ในการเปิดเว็บไซค์ เรียกว่า ทำมนตรีให้เป็นศรี  

   ตัวอย่าง 3 คนเกิดวันพฤหัส กำลังมีปัญหาติดขัดที่แก้ไม่ตก ต้องการทางออกหรือความช่วยเหลือ ใช้วันกาลี คือ วันเสาร์ เลือกเวลามนตรี คือ พุธ (13.31-15.00 น.) ในการเริ่มต้นแก้ปัญหา หรือขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เรียกว่า ทำกาลีให้เป็นมนตรี  

   หมายเหตุ การใช้ทักษาหายามที่ดีนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการช่วยตัดสินใจ ในการหาเวลาที่เหมาะสมเืพื่อทำกิจกรรมบางอย่างที่ไม่สำคัญมากนัก แต่หากกิจกรรมนั้นมีความสำคัญมากๆ ก็ควรปรึกษาครูบาอาจารย์ผู้ที่เชี่ยวชาญ และมีความชำนาญในการให้ฤกษ์ เพราะจะได้เวลาที่ดี เฉพาะเจาะจงลงไปของแต่ล่ะบุคคล ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา

หาลัคนาด้วยตัวเองไม่ต้องพึ่งโปรแกรม

วันนี้จะมาพูดถึงวิธีการหาลัคนาแบบง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน โดยไม่ต้องพึ่งโปรแกรมใดๆ อาจต้องใช้เครื่องคิดเลขหรือใครคิดเลขในใจเก่งๆ ก็ไม่ต้องใช้เลยก็ได้ แต่สามารถวางลัคน์ได้ตรง แม่นยำถึง 95% (วิธีนี้มีความคลาดเคลื่อนประมาณ 1-2 องศา) วิธีการมีดังนี้

ตัวอย่าง ต้องการหาลัคนา ของคนที่เกิดวันที่ 17 ตุลาคม 2511 เวลา 14.19 น.

1. ขั้นตอนแรก ก็หาตำแหน่งของดาวอาทิตย์ก่อนว่าในวันที่ 17 ตุลาคม 2511 ดาวอาทิตย์อยู่ราศีไหน กี่องศา เพื่อเป็นตัวตั้งต้นในการหาลัคนา โดยกฏที่ต้องจำนิดหน่อยคือ

     1.1 ให้ใช้วันที่ 14 เมษายน 2511 เป็นวันตั้งต้น (ไม่ว่าจะหาลัคนาของปี พ.ศ.ไหน ก็ใช้วันที่ 14 เมษา เป็นวันตั้งต้น)

     1.2 ให้นับจากวันที่ 14 เมษา ไปถึงวันประสงค์ หรือวันที่เราต้องการหาลัคนา โดยให้นับแต่ล่ะเดือนมี 30 วันเท่าๆกัน ก็ลองทำตามกันดูเลยน่ะครับ

วันที่ 14 เมษา - 30 เมษา   = 16 วัน
เดือนพฤษภา = 30 วัน
เดือนมิถุนา = 30 วัน
เดือนกรกฏา = 30 วัน
เดือนสิงหา = 30 วัน
เดือนกันยา = 30 วัน
เดือนตุลา วันที่ 17 = 17 วัน
รวมเป็น = 183 วัน

     1.3  เอาจำนวนวัน หารด้วย 30 เป็นราศี เศษเป็นองศาของดาวอาทิตย์
183 / 30 = 6 เศษ 3
ดังนั้นในวันที่ 17 ตุลาคม 2511 ดาวอาทิตย์โคจรอยู่ราศี 6 (ราศีตุลย์) ที่ 3 องศา

2. แตกเวลาเกิดให้เป็นนาที โดยให้เริ่มนับจาก 06.00 น. ไปจนถึงเวลาเกิด กรณีตัวอย่างเกิดเวลา 14.19 น. ก็นับจาก 6 โมงเช้าไปถึงบ่ายสองสิบเก้านาที ได้ 8 ชั่วโมงคูณ 60 นาที บวก 19 นาที = 499 นาที

3. ตอนนี้ก็ต้องมารู้จักอันโตนาทีกันก่อน อันโตนาที คือ เวลาที่ดาวอาทิตย์เดินผ่านในแต่ล่ะราศี ตัวอย่างตามรูปด้านล่าง ดาวอาทิตย์โคจรผ่านราศีเมษ ใช้เวลา 120 นาที โคจรผ่านราศีพฤษภใช้เวลา 96 นาที โคจรผ่านราศีมิถุนใช้เวลา 72 นาที เป็นต้น


จากข้อ 1 ดาวอาทิตย์อยู่ราศีตุลย์ 3 องศา ก็หาก่อนว่า 3 องศาในราศีตุลย์ทอนเป็นนาที ได้กี่นาที ก็เอา 3 องศา คูณ อัตโตนาทีของราศีตุลย์ หารด้วย 30 องศา = 16.8 ปัดเป็น 17 นาที หมายความว่า ดาวอาทิตย์โคจรเข้าราศีตุลย์มาแล้ว 17 นาที ยังคงเหลืออีก 151 นาทีถึงจะพ้นราศีตุลย์ (อันโตนาทีของราศีตุลย์ 168 - 17 นาที)

เอาจำนวนนาทีที่หาได้ในข้อ 2 ตั้ง ลบด้วยอันโตนาทีของแต่ล่ะราศีไปเรื่อยๆ จนกว่าจะลบไม่ได้แล้ว
เอา 499 นาทีตั้ง
ลบด้วย 151 นาทีของราศีตุลย์
เหลือ 348 นาที
ลบด้วย 144 นาทีของราศีพิจิก
เหลือ 204 นาที
ลบด้วย 120 นาทีของราศีธนู
เหลือ 84 นาที
ลบด้วย 72 นาทีของราศีมังกร
เหลือ 12 นาทีของราศีกุมภ์
เราก็จะได้ลัคนา สถิตย์ราศีกุมภ์ เอา 12 นาทีคูณ 30 องศา หารด้วยอันโตนาทีของราศีกุมภ์(96 นาที) จะได้ 3.75 องศา

สรุป เราก็ได้ลัคนาของคนที่เกิดวันที่ 17 ตุลาคม 2511 เวลา 14.19 น. ลัคนาราศีกุมภ์ ที่ 3 องศาเศษ เป็นไงบ้างครับวิธีนี้ ก็คงไม่ยากเกินไป หากทำคล่องๆ ก็สามารถหาลัคนาได้ภายใน 5 นาที หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยน่ะครับ
ดูดวงความรัก ดูดวงเนื้อคู่ ดูดวงรายเดือน ดูดวงฟรี ดูดวงแม่นๆ หมอดูแม่นๆ สิบลัคนา